9/22/2559

กู...ไม่ได้บ้า

ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะคิดว่าคนเราสามารถเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้
แต่บางครั้ง บางเรื่องในชีวิต เรากลับไม่กล้าจะเลือก ไม่กล้าจะเปลี่ยนแปลง
ในทุกช่วงชีวิตของคนเรานั้น ไม่ว่าเรื่องส่วนตัว, เรื่องเรียน,เรื่องงาน
รวมไปถึงเรื่องคู่ครอง ครอบครัว และอื่นๆอีกมากมาย
ในหลายๆครั้ง ในหลายๆสถานการณ์ เราต้องเลือกทางใดทางหนึ่งเสมอ
ซึ่งในบางครั้ง เราก็ตัดสินใจเลือกได้ยากเย็นเสียนี่กระไร
...
จำได้ว่า ตอนที่เราเป็นเด็กเล็กๆ เราแทบไม่ต้องคิด ไม่ต้องกังวลอะไร
เราอยากทำอะไร เราก็ทำ ชอบอะไร ก็จะเอาให้ได้ เบื่อเมื่อไรก็เลิกสนใจ
เพราะตอนเรายังเด็กนั้น มีเรื่องราวในหัวน้อย เราจึงไม่ต้องคิดมาก
....
แต่พอเริ่มโตขึ้น เราก็เริ่มคิดมากขึ้น เริ่มลังเล เริ่มสับสนกับชีวิตมากขึ้น
จะเรียนพาณิชย์ หรือ สายสามัญดี, เรียนสายวิทย์ หรือ สายศิลป์ดี
พอเริ่มทำงาน ก็มีทางเลือกว่า ควรทำงานอะไรดี
อยากทำงานบัญชี แต่ตัดสินใจทำธุรการ เพราะได้งานก่อน
อยากเป็นวิศวะ แต่ต้องหันมาเป็นเซลส์ขายของแทน
หรือไม่ก็อยากออกมาเป็นเจ้าของกิจการ เป็นเจ้านายตัวเอง
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ไม่กล้าตัดสินใจออกมา
เพราะกลัวทำไม่ได้ กลัวเงินไม่ได้เท่าเดิม (ทั้งที่ใจอยากได้เงินมากกว่าเดิม)
...
มาถึงเรื่องคู่ครอง อยากแต่งงาน แต่ก็กลัวเจอคนไม่ดี ไม่รักเรา
แต่งงานแล้ว อยู่กินกันมา เข้ากันไม่ได้ ใจหนึ่งอยากจะเลิก
แต่อีกใจก็สับสน กังวล ไม่อยากเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน
จึงต้องทนอยู่กับคนเดิมทั้งที่เขาทำร้ายเราสารพัด สารพัน
...
ดังนั้น ไม่ว่าเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องเป้าหมาย เรื่องรัก
เรื่องครอบครัว เรื่องการเงิน หรือเรื่องอะไรก็ตาม
หากมีทางเลือกมากกว่า 1 ทางให้เราเลือก
ขอให้เราคิดให้ดี มองให้รอบด้าน แล้วเลือกทางที่เป็นไปได้มากที่สุด
....
หรือเลือกทางที่เราชอบมากที่สุด หรือทางที่ทุกข์ทรมานน้อยที่สุด ก็ได้
แต่มีข้อแม้ว่า ขอให้เราคิดให้ดี แล้วเลือกอย่างเด็ดเดี่ยวไม่ลังเล
หลังจากเลือกทางเลือกนั้นแล้ว ขอให้มั่นใจและเข้าใจ ยอมรับมันให้ได้
ไม่ว่าทางเลือกที่เราเลือก จะดี หรือ ไม่ดีอย่างที่เราคิดเอาไว้ก็ตาม
ขอเพียงแต่ให้เราพยายามให้ถึงที่สุดเท่านั้นก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
ยกตัวอย่างเช่น เราทำงานประจำเงินเดือนสูงอยู่
แต่ในใจอยากทำธุรกิจส่วนตัว แต่ยังไม่กล้าออกจากงานมาทำ
ก็ต้องคิดให้ดีเสียก่อนว่า เราต้องการเดินเส้นทางไหนกันแน่ ถามใจตัวเองดู
หากเราไม่กลัวความลำบาก อยากได้รายได้มากกว่านี้ เราเป็นคนขยัน ทุ่มเท
ต่อให้ออกมาทำธุรกิจเองแล้วเจอปัญหาก็จะไม่ท้อ จะทำจนสำเร็จให้ได้
ถ้าคิดแบบนี้ ขอให้เลือกออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเถอะครับ คุณทำได้แน่นอน
แม้ว่าคุณยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรก็ตาม ก็ขอให้เริ่มคิด เริ่มวางแผนกันไป
การทำธุรกิจไม่มีสูตรสำเร็จ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จ ในสินค้าหรือธุรกิจที่ตนเองไม่ได้คิดมาก่อนแต่แรก
คนที่ทำได้สำเร็จ ส่วนมากจึงเคยล้มเหลว เคยลองผิดลองถูกมาก่อนด้วยกันทั้งนั้น
จึงอย่าไปยึดติดว่า สินค้าแรกที่เราคิดจะขาย ตลาดแรกที่เราคิดจะทำ จะต้องสำเร็จเสมอไป
......
แต่ถ้าหากคุณเป็นคนไม่มุ่งมั่น ขึ้เกียจ ลังเล ไม่กล้าตัดสินใจ
.
แต่อยากได้รายได้มากขึ้น คิดว่าการที่ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเองนั้น
..
จะทำให้ได้เงินมากขึ้น มีอิสระ ไม่ต้องกดดันเหมือนเป็นลูกจ้างเขา
..
ถ้าคิดแบบนี้ ผมขอแนะนำว่า ให้ทำงานอยู่แบบเดิมนั่นแหละ ดีแล้วครับ
..
เพราะการออกมาทำธุรกิจส่วนตัวนั้น แม้หากทำสำเร็จจะมีรายได้มากขึ้นก็ตาม
แต่นั่นหมายถึง คุณต้องทำสำเร็จให้ได้ตามเป้าหมายที่คุณวางไว้นะครับ
คุณจึงต้องทำงานหนักขึ้น ทุ่มเท และเรียนรู้มากขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะแยะ
ไม่มีงานไหนที่ได้เงินมากๆ แล้วทำงานสบายๆ ชิลๆ หรอกครับ
คุณต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ และมุ่งมั่นตั้งใจจริง จึงจะสำเร็จ
.....
นี่แหละครับ ชีวิตของคนเรากับทางเลือกต่างๆที่เราต้องเจอะเจอ
หากเปรียบชีวิตของคนเราเป็นเหมือนเส้นทางอันยาวไกล
จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ในเหตุการณ์ที่สำคัญกับชีวิต หลายๆเหตุการณ์
เช่น เรื่องเรียน, งาน,ซื้อบ้าน มีแฟน หรือแต่งงาน นั้น เรามีกันไม่บ่อยนัก
....
เราจึงควรคิดให้ดี ควรเลือกให้ดี หากไม่ใช่ ต้องกล้าพอที่จะเดินใหม่ เลือกใหม่
ทางเลือกแต่ละทาง เป็นเหมือนจุดตัดสินใจ ที่จะทำให้เราเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา
เดินหน้าหรือถอยหลังได้ จุดตัดสินใจนี้จะมีผลต่อเส้นทางชีวิตของเรานั่นเอง
...
ชีวิตเป็นของเรา จงเลือกทางเดินของชีวิตด้วยตัวของเราเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น