12/02/2559

เชียงใหม่


จะอู้จะอี้จะอั้น อ้ายแอ่วเหนือทีไร ถูกอ๊กถู๊กใจ๋ม่วนหลาย ฮักจาวเจียงใหม่ ฮักอาหารพื้นเมือง และฮักทุกสิ่งที่เป็นเจียงใหม่ อ้ายอู้กำเมืองบ่ค่อยถนัด ขอปรับโหมดเป็นภาษากลางก่อนจะถูกคนท้องถิ่นด่าว่า
“จั๊ดง่าว”
ฉันมาไกล มาไกลเหลือเกิน (นั่งเครื่องบินประมาณชั่วโมงกว่าๆ ถือว่าไกลมั๊ย?) มาคราวนี้ตั้งใจมาสูดอากาศสดชื่นเต็มที่ แต่หมอกจางๆและควันคล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้ ตื่นเช้ามาพระอาทิตย์ก็ถูกบดบัง ฟ้าก็ยังไร้เมฆ มีแต่กลุ่มควันลอยละล่องทั่วบ้านทั่วเมือง ดูผิวเผินพอจะสวยแทนหมอกแต่พอสูดเข้าไปลึกๆ กลิ่นเริ่มไม่พิศมัย บางคนถึงขนาดต้องเอาหน้ากากปิดจมูกปิดปาก ราวกับว่าจะกลัวคนอื่นติดหวัด วัฒนธรรมการเผาป่าเริ่มดูจริงจังขึ้นเรื่อยๆ แต่ก่อนเราคิดว่ามันคงเป็นไฟป่าหน้าแล้ง แต่นี่เห็นเผากันอยู่ริมทางเลย ดูแล้วน่าหดหู่เสียเหลือเกิน
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียอารมณ์ อ้ายจะพยายามสรรหาสถานที่เหมาะๆ พาเพื่อนๆ แวะชมความงามเท่าที่พอเหลืออยู่ในยามนี้ ช่วงเดือนมีนาคม เป็นเดือนที่อากาศอบอุ่นจนถึงร้อนมากในบางพื้นที่ จะมีบ้างก็ตามหุบเขาหรือบนยอดดอยที่ยังพอรู้สึกหนาวจนอยากจะกอดใครบางคน จะอู้จะอี้จะอั้นไปแล้ว อ้ายได้คัดเลือก 4 สถานที่สำคัญในการชวนเพื่อนๆ มาเที่ยวกัน แน่นอนคงไม่ใช่ตลาดไนท์บาร์ซ่า ไม่ใช่ถนนคนเดินที่วัวลาย หรือถนนนิมมานเหมินทร์แหล่งรวมของฮิปประจำเชียงใหม่ ที่ใครๆ ก็ไปกัน วันนี้อ้ายพามาแอ่ว แม่กำปอง ไร่นภ-ภูผา ม่อนแจ่ม และแม่ริมกัน พร้อมแล้วขึ้นรถมาด้วยกันเลยครับ
สวยไม่แต่งแบบแม่กำปอง
ขึ้นมาหลายดอยแต่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ จนกระทั่งเฮียตั่วเจ้าของพื้นที่ได้เคยชักชวนไว้ตอนพบกันคราวก่อนที่ รร.เซ็นทารา ดวงตะวัน “เฮียมีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่แม่กำปอง ถ้าเฮียไช้สนใจขึ้นมาได้เลย ที่นี่ยังสวยดิบและมีสเน่ห์มากต้องลองไปดู” จากคำเชื้อเชิญคราวนั้น เลยทำให้ผมตั้งใจไว้ว่าลงจากแม่แจ่มเมื่อไหร่ จะแวะไปเยือนที่นี่ให้ได้และแล้ววันนั้นก็มาถึง
"เรื่องเล่าให้ฟัง"
บ้านบนดอย บ่มีแสงสี บ่มีทีวี บ่มีน้ำประปา บ่มีโฮงหนัง โฮงนวด คลับบาร์ บ่มีโคล่า แฟนต้า เป็บซี่
หลาย 10 ปีผ่านไป บนดอยถิ่นห่างไกลความเจริญแม้จะยังคงไม่มีคลับบาร์ (เพราะไม่รู้ใครจะขึ้นไปใช้บริการกันไกลขนาดนั้น) แต่สิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างก็เริ่มเข้ามาถึง บางชุมชนมีทั้งไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ บางแห่งก็ปั่นไฟจากพลังน้ำหรือ โซล่าเซลล์แทน โรงหนังก็ไม่มีแต่ที่พอมีคือทีวีจานดาวเทียมที่พอให้คนทั้งชุมชนมานั่งมุงดูกันอบอุ่นดี ถึงไม่มีโรงนวดแต่เราก็พอจะหาหมอนวดแผนไทยฝีมือดีในหมู่บ้านพอได้บ้าง แต่ก่อนมีโคล่าก็ว่าหรูแล้วเดี๋ยวนี้มีน้ำสารพัดสีรวมถึงน้ำชาเขียวก็ส่งขึ้นมาถึงบนดอยแล้วครับ คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเริ่มมีใช้ในบางพื้นที่ แม้คลื่นสัญญาณมือถืออาจจะดับเป็นหย่อมๆ แต่ถ้าลงจากดอยเข้าไปในเมืองซักหน่อยรับรองว่าชัดแจ๋วแว๋ว
ชุมชนการเรียนรู้สมเด็จย่า อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป ในขณะที่ผู้คนต่างยินดีต้อนรับความเจริญเข้าสู่ชุมชน เรากลับรู้สึกเสียดายที่ความเจริญนั้นมันไม่ได้หยุดแค่ตรงสาธาณูปโภคพื้นฐานที่ทำให้คุณภาพชีวิตคนบนดอยดีขึ้นเท่านั้น หากแต่เป็นการนำค่านิยมผิดๆ ติดขึ้นมาพร้อมกัน จากวิถีชีวิตชุมชนที่เน้นพึ่งพาอาศัยกันอย่างพอเพียง กลายเป็นวิถีของการแสวงหาสินทรัพย์เพื่อยกระดับฐานะการเป็นอยู่แบบคนเมือง ความสมดุลระหว่างวัตถุและธรรมชาตินิยมจึงเป็นกลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่มีวันจบ.....
แม่กำปองตั้งอยู่ ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 50 กิโลเมตร น้อยคนนักจะรู้จักที่นี่เพราะส่วนใหญ่จะขับขึ้นไปทางแม่ริม ดอยอินทนนท์แทน ชุมชนเล็กๆ แห่งนี้มีความสมบูรณ์ในหลายๆ ด้าน อย่างแรกคือพื้นที่ยังเขียวชะอุ่มอยู่มาก อากาศดีและเย็นตลอดปีโดยเฉพาะในช่วงเช้าถึงขั้นหนาวเลยทีเดียว มีน้ำตกแม่กำปองไหลผ่านเป็นทางยาวมาถึงหลังบ้านด้วยซ้ำไป อย่างที่สองคือเป็นชุมชนที่รับความเจริญเข้ามาอย่างพอเพียง มีน้ำมีไฟใช้ มีเคเบิ้ลทีวีให้ดู แต่บ้านช่องต่างๆ ยังคงอนุรักษ์ให้เป็นบ้านไม้และสร้างตามแบบที่กลมกลืนกับวัฒนธรรมของชุมชน และอย่างที่สามคือผู้คนดูอบอุ่นและเป็นกันเองมาก เดินไปไหนมาไหนชาวบ้านจะทักทาย ถามไถ่ว่าเราพักที่ไหน ยิ้มแย้มแจ่มใส ให้การต้อนรับจนเรารู้สึกเหมือนเป็นคนในพื้นที่ อย่างคุณป้าที่มานวดให้เราถึงในบ้าน พวกเราเจอแกอีกทีโดยบังเอิญตอนไปเที่ยวน้ำตก ในขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการกวาดใบไม้หน้าอุทยาน แกเป็นฝ่ายทักพวกเราก่อนว่าจำป้าได้มั๊ย เราก็แอบงงว่าแกขึ้นมาทำอะไรถึงที่นี่ แกบอกว่ายามว่างแกก็ถือโอกาสมาช่วยงานที่นี่ถือเป็นการออกกำลังกายไปด้วย น่านับถือน้ำใจคนแม่กำปองทีเดียวที่แม่กำปองนอกจากจะมีโฮมสเตย์น่ารักๆราคาย่อมเยาอยู่หลายแห่งแล้ว วัดเก่าที่มีน้ำตกไหลผ่านอยู่ด้านหลัง ร้านกาแฟที่กลายเป็นจุดชมวิวที่งดงาม (อ่านร้านชมนกชมไม้ที่เคยเขียนไว้ในจากยอดดอยสู่ผืนดิน) สำหรับคนที่ชอบผจญภัย สามารถลองโหนสลิงไปกับ Flight of the Gibbon แต่ราคาอาจจะแพงไปนิดนึงสำหรับคนไทยเพราะว่าหลายพันอยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น