8/04/2559

ไกด์

เป็นไกด์...ดีจริงหรือ

"พี่เป็นไกด์เหรอ โห เก่งจัง "

"เค้าว่าเป็นไกด์นี่เงินดีใช่ไหมครับ"

"แหม..อิจฉาคนเป็นไกด์เนอะ ได้เที่ยว เงินก็ดี พูดๆก็ได้ตังค์"

"หูยยย เป็นอาชีพในความฝันเลยค่ะ เป็นไกด์ งานสบาย เงินดี ไม่เหนื่อย...."

ค่ะ...เป็นประโยคที่ได้ยินบ่อยมากตลอดชีวิตการทำงานที่ผ่านมา แล้วมันสบายจริงไหม เงินดีจริงไหม เป็นอาชีพในความฝันหรือเปล่า โบ๊ะหน้าฉ่ำ แต่งองค์ทรงเครื่องสวยแล้ว ตามอิฉันมาหน้าจอเลยค่ะ

ก่อนอื่นจะต้องเข้าใจคำว่าไกด์ กันก่อน ว่าหมายความว่าอะไร 

Guide ตามพจนานุกรม อังกฤษไทย ของ สอ เศรษฐบุตร (นามสกุลเดียวกับอดีตพระเอกตาตี่ที่อิฉันเคยหลงใหลสมัยเริ่มแต่กวัยชรา) ท่านให้ความหมายเอาไว้ว่า คนนำทาง เครื่องนำทางคนให้คำแนะนำ 

แล้วคำนี้ในภาษาฝรั่งเศสล่ะ จากฉบับของ นาวาเอก ศิริ พงศ์ทัต ท่านแปลว่า มัคคุเทศก์ ผู้แนะแนว หนังสือแนะนำก็ได้

เอ๊ แล้วคำว่ามัคคุเทศก์ล่ะ ในภาษาไทย คือ คนนำทาง ที่มักนำเที่ยวและอธิบายประกอบ เป็นคำสมาส หรือ สนธิ (คำหลังนี่กลัววโดน คนรักทักษิณแบนจัง ) ก็ไม่รู้ละ อิฉันตกภาษาไทย มาจากภาษาบาลีว่า มคค + อุทเทสก 

เห็นไหมคะ...ทุกความหมายล้วนแล้วแต่บ่งชี้ว่า เป็นผู้นำทาง ผู้ชี้แนวทาง ผู้แนะนำทั้งนั้นเลย.....

แต่จริงๆแล้ว คนที่อยู่ในวงการจะรู้เลยว่ามันหนักหนาสาหัสกว่าคำจำกัดความ...เพราะเราต้องรับผิดชอบหมด ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ตั้งแต่วันแรกรับเข้า ไปจนถึงวันส่งออก จนเช็คกระเป๋า เช็คตั๋ว ผ่านต.ม.ไปเรียบร้อยแล้ว นั่นแหละค่ะ เป็นอันจบหน้าที่....

แล้วช่วงเวลานี้แหละ..ลูกทัวร์มีอะไรก็จะเรียกหาแต่เรา ไกด์รุ่นพี่นางหนึ่ง ที่เป็นไกด์ฝรั่งเศสมาตั้งแต่สาวๆหน้าใสเด้ง สวยปิ๊ง ทำมาจนเดี๋ยวนี้ เธอกลายเป็นโบราณบุคคล ทั้งตะไคร่ทั้งรา ทั้งเพรียง เกาะเขียวปึ้ด ให้รุ่นน้องยกมือไหว้เป็นเจว็ดศาลพระภูมิ "หวัดดีค่ะ คุณทวด" เคยบอกว่า

"อุ๊ย...นังแขกพวกนี้น่ะนะ อึไม่ออก ฉี่ไม่เป็น ก็เรียกหาแต่ไกด์ๆๆๆๆ"

นอกจากจะเป็นผู้นำทางแล้ว ยังต้องมีวิญญาณความเป็นครู ช่างพูด ช่างอธิบาย แล้วยังต้อง อัญเชิญ องค์ของความเป็นเจ้าบ้านที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสมาประทับด้วย องค์ เจ้าแม่กาลี ทุรคา หรือ องค...อื่นๆนั้น ถ้าไม่จำเป็นให้เอาเก็บไว้ที่บ้าน 

เป็นนักวางแผน และ นักบริหารเวลา ต้องเตรียมการสองชั้นสามชั้น เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า งานนี้ก้อนสมองทำงานมากกว่า คณะ ร.ม.ต. และ ส.ว.อีกนะคะ จะบอกให้ เพราะเหตุการณ์เฉพาะหน้าเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เช่น รถเสีย ฝนตกรถติด อุบัติหตุ แขกกวนประสาท ฯลฯ

บางจังหวะเวลาก็ต้องแปลงกายเป็น ซุปเปอร์แมน ถ้าไกด์ ชะนีก็ต้องเป็น น้องอร สู้โว้ย หรือ หากเป็นเกเก้ แปลงกายเป็นน้องแรมฯ(ชื่อเต็มว่าแรมโบริณี) ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด เพราะหลายครั้ง ที่มีกรุ๊ปเช็คเอาต์ออกเวลาเดียวกัน โหลดกระเป๋าไม่ทัน นังไกด์นี่แหละค่ะ ที่ต้องช่วย เด็กรถ ช่วยเบลล์บอย ยกกระเป๋า ไม่อย่างนั้น มีหวังออกทัวร์สาย ทำโปรแกรมไม่ทัน บริษัทจะโดนพวกแขกรู้มากฟ้องเอา แต่บริษัทแค่เสียเวลา คนจ่ายจริงๆคือ นังไกด์ทั้งหลาย...

นางพยาบาลจำเป็น...ในกรณีที่เกิดป่วยฉุกเฉิน ก็จะต้องพอรู้สมมุติฐานโรค เพื่อ คุยกับหมอ(จริงๆ) บางครั้งให้เกลียดโรงพยาบาลขนาดไหน ก็ต้องไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ เป็นล่ามคอยคุย ซักถามอาการให้ คุณหมอ จนแอบปิ๊งหมอไปก็หลายคนแล้ว ( เคยมีหมอมาปิ๊งด้วยนะคะ อิฉันน่ะ แต่กลัวโดนจับสแกนหาเชื้อโรคก่อนขึ้นเตียง กว่าจะสแกนเสร็จ ทั้งหมดอยาก ทั้งเสียเวลาทำมาหากิน เลยต้องบ๊ายบายกันไป) 

และ..ณ บัดนี้ ด้วยความตกต่ำของวงการทัวร์ประเทศเราที่โดนปู้ยี่ปู้ยำซะจนแทบไม่เหลือดี (ถ้าเป็นหญิงสาว อิฉันขอยกตำแหน่ง คณะปลอบใจทหารในหนังสือ"ทาสกาม"ไปเลย) ราคาค่าทัวร์มาบ้านเราจะถูกมาก ถูกสุดๆ ถูกกว่าของแบกะดินด้วยซ้ำ ถูกจนเหมือนของไม่มีค่า ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง เห็นราคาแล้ว ต้องถามว่า บริษัททัวร์ได้กำไรเหรอ คำตอบคือ ไม่ได้หรอกค่ะ....

ดังนั้นหน้าที่ที่เพิ่มมาอีกหนึ่งของบรรดานังไกด์ทั้งหลายแหล่ คือ ทั้งกระเดียด ทั้งหาบ ทั้งคอน เอาโปรแกรมมาเร่ขายบนรถ แต่แทนที่จะร้องว่า 

"มาแล้วจ้า ขนมจีนแม่วัลลา น้ำยาพระอภัย" 

มาเป็น

"มาแล้วจ้า optional tour ร้อนๆ มาแล้วค่ะ อุดหนุนหน่อยนะคะ จะได้มีเงินทำทัวร์ต่อ " ( เคสนี้เฉพาะบางบริษัทนะคะ หลายๆบริษัทที่ยังดีๆอยู่ รักษาราคามาตรฐานเอาไว้ไม่เป็นค่ะ )

เคยมีคนบอกว่า งานแบบนี้ดีนะ อิสระดี...อิสระ เหรอ สะกดไงคะ อิฉันลืมไปแล้ว...

อิสระตรงที่คุณเลือกรับงานได้ แต่ถ้าเลือกมาก เรื่องมาก บริษัทเค้าก็ไม่เอาคุณนะคะ ขอบอก เพราะในวงการ ไม่ได้มีไกด์แค่เพียงคนเดียว 

เวลาทำงาน หมายถึงเวลาที่ลูกทัวร์อยู่ในมือคุณประสาท สมอง สัมผัส เรียกว่า ทวารทั้งห้า ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แม้แต่กลางคืน หลังจากที่ไล่ลูกทัวร์เข้าห้องไปแล้วก็ตามที

หลายๆท่าน อาจจะแย้งว่า เมื่อถึงโรงแรมแล้ว เข้าห้องแล้ว ก็น่าจะเป็นเวลาพัก จะทำอะไรก็ได้ ใช่ค่ะ แต่ก็ต้องเตรียมงานเผื่อวันรุ่งขึ้น อ่านหนังสือ หาข้อมูลเตรียมพากย์ พักผ่อนให้เต็มที่เพราะส่วนใหญ่ เราจะต้องตืนเช้าตลอด จะมาทำตัวเป็น คุณนายตื่นสาย หรือ คิดว่า เดี๋ยวไปหลับเอาแรงบนรถแล้วกัน ไม่ได้นะคะ เสียภาพพจน์หมด เกิดหลับ อ้าปากล่ะ ต๊าย จากนางงาม เป็นนางงอมไปเลย แล้วแขกที่ซื้อทัวร์มา เค้าก็หวังที่จะได้รับคำอธิบายจากเราค่ะ อย่าลืมว่า การที่เค้ามาเที่ยว คือ การมาดูความแตกต่าง ดังนั้น เราต้องอธิบายให้ได้ว่า ต่างกันยังไง ศาสนา ความเชื่อที่มีผลต่อสถาปัตยกรรม ชีวิตความเป็นอยู่ฯลฯ

อีกอย่าง การที่เราอยู่ในห้อง เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา เช่น แขก ดจร.ไปกินเหล้าหน้าโรงแรม เดินข้ามถนน ตัดหน้ารถสิบล้อ โดนบี้หัวแบะ ทางโรงแรม เค้าก็จะตามหาไกด์ ก่อนแหละค่ะ ไม่ใช่ แขกเข้าห้องดับจิตไปแล้ว บริษัทรู้เรื่องแล้ว ไกด์ยังหน้าแฉล้มเลือกห่อหมกอยู่ในบาร์ละก็ อย่างนี้ ถือว่า บกพร่อง คุณไปทำงานนะคะ ไม่ได้ไปเที่ยว....

อะไรอีกนะคะ...แหม...ช่างสงสัยกันเสียเหลือเกินนะ...ว่าไงนะคะ อ๋อ ที่ว่า อิสระเนี่ย คือ ช่วงไหนไม่อยากทำงาน ก็ไม่รับงานได้

ใช่ค่ะ...แต่ไม่มีเงินเข้ากระเป๋านะคะ เพราะรายได้ไกด์ ได้เป็นรายวัน ถ้าคุณคิดว่าจะทำมั่งไม่ทำมั่ง ก็ได้ค่ะ แต่บริษัทเค้าอาจจะไม่ค่อย แฮปปี้กับคุณเท่าไหร่ ค่าที่ไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ คุณนายจะ

อยากนั่งหน้าสวยอยู่กับบ้าน เมื่อไหร่คุณนายเกิดจะอยากกางจ้องลงดำนา...หลายบริษัท ไม่เอาเลยนะคะ พวกตุ๊ดตู่ ในรูกระบอก เด๋วผลุบ เด๋วโผล่

เนี่ยแหละค่ะ ความเป็นจริงของขุมทองที่เรียกว่า "วงการทัวร์" อันนี้ ยังแค่เบาๆนะคะ ยังไม่ถึงหลากหลายเรื่องราวที่ต้องเจอระหว่างทริป ที่อิฉันจะเล่าให้ฟังในภายภาคหน้า หากไม่โดนเพื่อนไกด์ด้วยกัน ตบตายไปซะก่อน จากเนื้อหาจาบจ้วงของบล๊อกวันนี้

อ้อ..ถ้าเกิดเหตุการณ์โดนตบ เนี่ยะนะคะ รบกวน ช่วยเอาไวน์ใส่บาตร เขียนข้างขวดถึงอิฉันซักขวด แก้เปรี้ยวปาก จะเป็นพระคุณยิ่ง....
cr/ miss nancy.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น