9/22/2559

ภูเขากับการเดินเท้า...

คนทั่วไปมักเข้าใจว่าบนภูเขานั้นเหงา
แต่ในความจริง ภูเขามีเส้นทางมากมายกว่าที่ผู้คนคาดคิด
มี เส้นทางเก่าแก่ที่ไม่รู้ว่าเป็นของคนยุคใด เส้นทางของพ่อค้า ขบวนล่อหรือม้าต่าง เส้นทางที่ชาวบ้านเดินติดต่อกัน และเส้นทางของสัตว์ป่าตัดทับไปมา
บางเส้นทางเป็นทางขนาดใหญ่ เพราะมีผู้ใช้ร่วมกันมาก บางเส้นทางเล็กแคบเพราะเป็นเส้นทางเฉพาะของแต่ละคน บางเส้นดูลึกลับมีเล่ห์เหลี่ยมเพราะเป็นทางที่ผู้ล่าใช้ดักซุ่มเหยื่อ
ด้วย เหตุนี้ ภูเขาที่เปล่าเปลี่ยว จึงยังบอกกับเราว่าทุกชีวิตมีเส้นทางของตน แต่ก็อาจตัดทับกันจนสับสน อาจจบกันโดยบังเอิญ แต่แยกจากไปโดยเจตนา อาจเปี่ยมด้วยเพื่อนร่วมทาง หรืออาจเดินไปอย่างโดดเดี่ยว

การ เดินทางของชีวิตเช่นเดียวกับการเดินทางบนภูเขา ช่วงก่อนถึงจุดหมายปลายทางมี คนไม่น้อยที่มักหวั่นไหว พวกเขากลัวทางแยก วิตกกับความมืด หวาดผวากับสิ่งที่ไม่รู้จัก และกลัวเกรงกับการผิดพลาด
แต่คนเดินภูเขารู้ดีว่า ความอ่อนแอเป็นพี่ชายคนโตของความหวาดกลัว โดยมีความล้มเหลวเป็นน้องคนสุดท้อง
ผม เคยเดินทางบนภูเขามานานหลายปี บางครั้งใช้เวลาวันเดียว บางครั้งใช้เวลาเป็นสิบวัน บางครั้งฝนตกมืดครึ้มติดต่อกันจนเกือบมองไม่เห็นทาง แต่ทุกครั้งจะต้องพบรอยชาวบ้านดักสัตว์ ตัดฟืน ต้องเจอะเจอไร่ข้าว ไร่ข้าวโพด ที่พอจะนำเราไปตามทางเข้าหมู่บ้านเพื่อแวะพักหรือถามไถ่ทาง
ปัญหาที่แท้จริงคือ การไม่รู้จักจบสิ้นของเส้นทางบนภูเขา เช่นเดียวกับที่ไม่มีจุดหมายปลายทางที่แท้จริงของเส้นทางชีวิต

คุณ อาจจะปีนป่ายอย่างเหนื่อยล้ากว่าจะถึงยอดเขาสักลูก เพื่อพบว่า ยังมียอดเขาที่สูงกว่าถูกปิดบังซ่อนเร้นอยู่อีกเช่นเดียวกับที่ไม่มีจุดไหน ของชีวิตที่จะมั่นใจว่า คุณทุกข์อย่างที่สุดแล้ว สุขอย่างที่สุดแล้ว หรือเมื่อคุณพบกับความสมหวัง ความผิดหวังก็อาจจะตามมา เหมือนสู่จุดสูงก็ต้องไต่ทางลงต่ำ ภูเขาให้ความเข้าใจถึงลักษณะสัมพัทธ์นี้อย่างชัดเจนที่สุด
ผมเองก็เคยเหนื่อยล้ากับการไต่ไปบนเส้นทางภูเขาและชีวิตที่ไม่รู้จักจบสิ้น แต่ภูเขาก็มีคำตอบบางอย่างให้กับชีวิตผม
ภูเขา ทุกลูกจะมีทางขึ้นสู่ยอดเขา ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ทางจำเป็นจะต้องเดินผ่าน หลายครั้งผมเคยตามทางเก่าแก่ที่แยกจากทางใหญ่ แล้วพบว่า มันไปจบลงตรงชะง่อนหินริมผา ทั้งหมดเพียงเพื่อจะให้เจ้าของทางได้ชมวิวในมุมกว้างที่งดงามที่สุด
ราวกับจะบอกว่า ความงามก็เป็นสาระสำคัญของเส้นทางเดินของมนุษย์

ภาพ เขียนของจีนสมัยราชวงศ์ซ่งและถัง มักเป็นมุมมองจากที่สูงและเห็นภูเขาในหมู่หมอก เป็นหลืบซ้อนกันไปไม่รู้จักจบสิ้น อาจมีชายชรานั่งอยู่ในเก๋งเก่าแก่ หรืออาจมีชายแก่ตกปลาอยู่เดียวดาย
ศิลปินในยุคนั้นพยายาม บ่งบอกสิ่งเดียวกันกับเราว่าจุดมุ่งหมายของภาพเขียนไม่ใช่มนุษย์หรือภูเขา หากเป็นความเวิ้งว้างอันงดงาม ซึ่งแม้แต่อัตตาของศิลปินก็ถูกกลืนหายไป
และ คงเป็นด้วยเหตุผลเดียวกัน ที่สถานบำเพ็ญธรรมของพระทิเบตซึ่งแม้จะอยู่บนภูเขาหิมาลัยก็ยังต้องเลือก อยู่จุดที่ปะทะกับความว่างที่กว้างไกล เช่นเดียวกับพระสงฆ์หรือฤาษีในอดีตพยายามตัดทางขึ้นไปสู่ยอดเขา เพื่อสร้างพระธาตุบนดอยสุเทพ สำนักสงฆ์บนดอยภูพระบาท ปราสาทพนมรุ้ง
...
ท่าน มุ่งหวังให้มนุษย์ตระหนักถึงสาระของความงามในชีวิต และอาจหวังให้คนไปจาริกแสวงบุญได้ตระหนักว่า ตัวตนนั้นเป็นเหมือนละอองธุลี ท่ามกลางความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่
...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น